Admin Bookdose
10 Dec 2018 | 111

แฮกเกอร์ : มนุษย์พยายาม "แฮก" ระบบร่างกายตัวเองด้วยเทคโนโลยี

"ไบโอแฮกเกอร์" คือชื่อเรียกของคนที่พยายาม "แฮก" ระบบร่างกายและสมองตัวเองให้ทำงานได้ดีขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการฝังอุปกรณ์เทคโนโลยีเข้าไปในร่างกาย ควบคุมอาหารอย่างสุดโต่ง ไปจนถึงพยายามเปลี่ยนดีเอ็นเอตัวเอง


ลิวิว บาบิตซ์ อยากจะสร้างประสาทสัมผัสของมนุษย์ขึ้นมาใหม่ ลองจับหน้าอกเขาสิ และคุณจะเห็นความพยายามเขา มันสั่นทุกครั้งที่เขามุ่งหน้าไปทางทิศเหนือ


หากสัตว์สามารถสัมผัสถึงทิศทางที่พวกมันกำลังจะมุ่งหน้าไปได้ ทำไมมนุษย์เราจะทำบ้างไม่ได้


Liviu

ลิวิว "รู้สึก" ถึงทิศเหนือได้เพราะเขาฝังเครื่องมืออิเล็กทรอนิกส์ที่มีชื่อเรียกว่า "North Sense" ไว้ เป็นชิปเข็มทิศและระบบบลูทูธ ยึดไว้ด้วยแท่งไทเทเนียม


ชายวัย 33 ปีผู้นี้เป็นเจ้าของบริษัท Cyborgnest ซึ่งออกแบบเครื่องมือนี้ เขาบอกว่ามันเป็นก้าวแรกของการสร้างระบบการนำร่องเต็มรูปแบบในร่างกาย และอยากจะให้ยุคของ "สังคมก้มหน้า" หมดไป


"คุณเดินไปตามถนนและก็มองมือถือตลอด อยากจะไปที่ไหนสักแห่งแต่ก็ไม่ได้เห็นเลยว่าอะไรเกิดขึ้นในโลกรอบตัวคุณ เพราะหมดเวลาไปกับการจ้องที่หน้าจอระหว่างเดินทาง" ลิวิว กล่าว


"ลองจินตนาการดูสิว่า คุณไม่ต้องใช้มันอีกต่อไป คุณสามารถหาทิศทางได้เหมือนนก และคุณก็รู้อยู่ตลอดเวลาว่าตัวเองอยู่ที่ไหน คนตาบอดก็สามารถรู้ทิศทางได้"



Rich Lee

ชีวภาพที่ลื่นไหล


สิ่งประดิษฐ์ของลิวิวแปลก แต่ดูธรรมดาไปเลยหากเทียบกับของ ริช ลี ช่างทำชั้นและตู้วางของวัย 40 ปี จากเมืองเซนต์จอร์จในรัฐยูทาห์ของสหรัฐฯ เขาเป็นไบโอแฮกเกอร์ที่พยายามดัดแปลงร่างกายตัวเองอย่างสุดขีด


ในนิ้วมือเขามีแม่เหล็กและชิปเทคโนโลยีสื่อสารข้อมูลแบบไร้สายด้วยคลื่นความถี่ในระยะใกล้ ซึ่งถูกตั้งโปรแกรมให้เชื่อมต่อกับเว็บไซต์และสามารถเปิดประตูรถได้ และอื่น ๆ อีก


ที่แขนริชมีชิปที่คอยวัดอุณหภูมิร่างกายอยู่อย่างสม่ำเสมอ และเขาก็ฝังหูฟังไว้ที่หูตัวเองด้วย


นอกจากนี้ เขาก็ยังได้ลองกระบวนการแก้ไขดัดแปลงพันธุกรรมที่เรียกกันว่า "Crispr" ซึ่งนักวิทยาศาสตร์ยังต้องทดลองเรื่องข้อจำกัดและอันตรายของเทคนิคนี้อยู่ แต่ริชทดลองทำเองที่บ้าน และเขาก็ยอมรับว่าอาจถึงตายได้หากพลาด


"เรามีความรู้ด้านการดัดแปลงพันธุกรรมและผมสนับสนุนความคิดที่ว่าเราสามารถเปลี่ยนแปลงหรือดัดแปลงพันธุกรรมคุณได้เหมือนการไปสัก" ริช กล่าว "ผมอยากจะเห็นสังคมที่มีความลื่นไหลทางชีวภาพโดยคนสามารถเปลี่ยนแปลงสิ่งเหล่านี้ได้"


อย่างไรก็ตาม การพยายามทดลองเองที่บ้านก็อันตรายมาก ที่แข้งของริชมีรอยแผลจากความพยายามที่จะฝังอุปกรณ์ที่แข้งแต่ก็บวมมากจนต้องถอดออก โดยเขาใช้คีมทำเองและไม่ใช้ยาแก้ปวดใด ๆ


ลูค โรเบิร์ต เมสัน ผู้อำนวยการองค์กร Virtual Futures บอกว่ามีความตื่นตัวเกี่ยวกับการ "แฮก" ระบบชีวภาพมนุษย์มาก แต่ยังอีกนานกว่าจะสามารถดัดแปลงร่างกายมนุษย์ในแบบที่คนเหล่านี้พยายามจะเชื้อชวน


"สิ่งที่เราเห็นทุกวันนี้คือก้าวแรก ๆ โดยผู้บุกเบิกที่กล้าลอง ความจริงก็คือมันยังอยู่ในช่วงลองผิดลองถูกและยังทำให้เกิดความเจ็บปวดมากกว่าที่คนทั่วไปจะรับรู้"


ลูคบอกว่า มีอะไรให้เรียนรู้มากจากการทดลองด้วยตัวเองของคนเหล่านี้ และบางคนก็บอกว่าไบโอแฮกเกอร์เหล่านี้จะกลายมีส่วนมากขึ้นเรื่อย ๆ ในการพัฒนาอุปกรณ์ด้านเทคโนโลยีที่สวมใส่ได้ และเทคโนโลยีเพื่อสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดี



Corina


นอกจากนี้ก็ยังมีอีกหลายคนที่พยายามทดลองด้วยวิธีการที่อาจจะไม่สุดโต่งเท่า


คอรินา อิงแกรม-โนเออร์ เป็นนักจัดการชาวอเมริกันวัย 33 ปีที่อาศัยอยู่ที่กรุงเบอร์ลิน เธอใช้เทคโนโลยีและการควบคุมอาหารอย่างเคร่งครัดเพื่อทำให้ร่างกายมีสภาพสมบูรณ์เสมอ


เธอใช้ Power Plate หรือเครื่องสำหรับยืนทรงตัวที่สั่น 30-50 ครั้งต่อวินาทีที่จะช่วยให้เธอออกกำลังกายอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ระหว่างนั้นเธอจะฉายแสงอินฟราเรดลงที่ผิวตัวเองเพื่อสร้างคอลลาเจนให้ผิว


นอกจากนี้ คอรินายังออกไปเดินตามท้องถนนที่หนาวเหน็บโดยไม่ใส่กางเกงขายาวด้วย โดยเธอบอกว่าเป็นการบำบัดด้วยความเย็นที่ไม่ต้องลงทุนอะไร


เธอเริ่มศึกษาเรื่องการดัดแปลงทางชีวภาพหลังพักฟื้นจากอุบัติเหตุกระทบกระเทือนร้ายแรงที่ทำให้เธอต้องใช้ความพยายามอย่างมากแม้แต่การจะกลับมาพูดอีกครั้ง เธอเริ่มใช้น้ำมันที่ทำมาจากกรดไขมันความยาวสายปานกลาง หรือ medium chain triglycerides (MCT) ที่เธอบอกว่าทำให้หัวสมองโล่ง และจากนั้นก็เริ่มลองอย่างอื่นเป็นต้นมา


"สำหรับฉัน การแฮกระบบชีวภาพคือการควบคุมระบบชีวภาพของตัวเอง เป็นการใช้ทางลัดเพื่อไปที่ที่คุณอยากไป นั่นก็คือไปสู่สุขภาพที่ดีของคุณ"